ริโอ เฟอร์ดินานด์ ถูกไล่ออก โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่ายแพ้ในเกมที่มีประตูเกิดขึ้นถึง 7 ประตูในการพบกับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่สนามอีวูด พาร์ค เมื่อคืนวันพุธ
ทั้ง 2 ทีมที่เพิ่งจะต่อสู้กันมาอย่างดุเดือดในรอบรองชนะเลิศ คาร์ลิ่ง คัพ ทั้ง 2 นัด มาพบกันอีกครั้งในเกมที่น่าตื่นตาตื่นใจนัดนี้ ซึ่งจบลงด้วยการปราชัยที่หนักหนาสาหัสของปิศาจแดง
พวกเขาตกเป็นฝ่ายตามหลังถึง 1-4 หลังจากเวลาผ่านไปได้ 56 นาที แต่ 2 ประตูจากรุด ฟาน นิสเตลรอย ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับสู่เกมได้ และผลการแข่งขันยังตัดสินไม่ได้จนกระทั่งหมดเวลาการแข่งขัน
เดวิด เบนท์ลี่ย์ ซึ่งสัญญายืมตัวจากอาร์เซน่อล ถูกเปลี่ยนเป็นการย้ายทีมอย่างถาวรสู่ทีมกุหลาบไฟ ในตอนบ่ายของวันอังคาร ทำแฮททริกช่วยให้แบล็คเบิร์น เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมลีกทั้ง 2 นัดเป็นครั้งแรกในรอบ 75 ปี และลูคัส นีลล์ ทำอีก 1 ประตูจากลูกจุดโทษ
เฟอร์ดินานด์ ถูกไล่ออกหลังจากเข้าปะทะกับร็อบบี้ ซาเวจ ในช่วงก่อนหมดเวลา 3 นาที
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เปลี่ยนแปลงทีมอีกครั้งเมื่อปิศาจแดง เตรียมตัวพบกับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 3 สัปดาห์ เวส บราวน์ และดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ซึ่งเป็นตัวสำรองทั้งคู่ในเกมพบกับวูล์ฟแฮมป์ตัน เมื่อวันอาทิตย์ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงร่วมกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งก่อนหน้านี้ติดโทษห้ามแข่ง 3 นัด
อดีตนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 คนอยู่ในรายชื่อนักเตะ 16 คนของแบล็คเบิร์น ได้แก่ ร็อบบี้ ซาเวจ ซึ่งคงไม่ต้องแนะนำอะไรกันอีกแล้ว และอีกคนคือ เจมาล จอห์นสัน ซึ่งเป็นนักเตะฝึกหัดในอคาเดมี่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงอายุ 16 ปี
สนามอีวูด พาร์ค ไม่ใช่สนามที่น่าชื่นชอบในการไปเยือนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงหลายฤดูกาลหลัง ปิศาจแดง ไม่ชนะในการมาเยือนสนามแห่งนี้ในเกมพรีเมียร์ชิพ 5 นัดก่อนหน้านี้ และมีเพียงชัยชนะในรอบรองชนะเลิศ ลีก คัพ นัดที่ 2 เมื่อ 3 ปีที่แล้วเท่านั้นที่พอจะปลอบใจได้บ้าง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้โอกาสทำประตูขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ต้นเกมหลังจากได้ลูกฟรีคิกที่หน้ากรอบเขตโทษ ฟิล ดาวด์ ผู้ตัดสินคิดว่าโรนัลโด้ ถูกสกัดล้มลง แฟนบอลของแบล็คเบิร์น ด้านหลังประตูต้องลุ้นหนักแต่ก็ได้หัวเราะในภายหลังเมื่อลูกยิงของคีแรน ริชาร์ดสัน ลอยเข้าไปในกลุ่มพวกเขา
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ต้องออกแรงในนาทีที่ 21 เพื่อป้องกันลูกเปิดโด่งจากฝั่งซ้ายของเบนท์ลี่ย์ ที่ย้อยลงมาเกือบจะข้ามเส้นประตูเข้าไป แม้ว่าเจ้าถิ่นจะไม่ได้ครองเกมบุกในสนาม แต่พวกเขาก็เกือบจะแย่งทำประตูขึ้นนำไปก่อนแล้ว
หลุยส์ ซาฮา เกือบจะทำประตูสุดสวยได้หลังจากการต่อบอลอย่างยอดเยี่ยมระหว่างเวย์น รูนี่ย์ และโรนัลโด้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้จังหวะโต้กลับหลังจากตัดเกมบุกของแบล็คเบิร์น เอาไว้ได้ โรนัลโด้ และรูนี่ย์ ต่อบอลกันได้ดีก่อนที่เจ้าหนูดาวยิงทีมชาติอังกฤษจะเปิดบอลไปให้กับซาฮา ในกรอบเขตโทษ ดาวยิงผิวหมึกซัดด้วยฮาล์ฟวอลเล่ย์อย่างงดงาม แต่บอลหลุดออกข้างเสาไกลของแบรด ฟรีเดล ไป
ก่อนจบครึ่งแรก 10 นาที แบล็คเบิร์น ก็ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน แม้ว่าฟาน เดอร์ ซาร์ จะพยายามอย่างดีที่สุดในการป้องกันแล้วก็ตาม มอร์เทน แกมส์ท พีเดอร์เซ่น ยิงลูกฟรีคิกโค้งข้ามกำแพงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บอลพุ่งเข้าจะเสียบมุมบนของประตู ผู้รักษาประตูทีมชาติฮอลแลนด์พุ่งสุดตัวไปปัดเอาไว้ได้ แต่ยังไม่พ้นอันตราย บอลไปตกเข้าทางเบนท์ลี่ย์ ที่ได้ยิงง่ายๆ ข้ามเส้นประตูไป แบล็คเบิร์น ขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 35
มันเป็นประตูที่ไม่ค่อยจะสอดคล้องกับรูปเกมนัก แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ใช้เวลาไม่นานในการตามตีเสมอ เพียงแค่ 2 นาที ซาฮา ก็ทำประตูตีเสมอให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ รูนี่ย์ ลองทดสอบฟรีเดล ด้วยลูกยิงเต็มข้อ ผู้รักษาประตูชาวอเมริกันทำได้เพียงปัดออกมา บอลลอยมาเข้าทางซาฮา ที่ซัดทันทีเข้าไปตุงตาข่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามตีเสมอเป็น 1-1 ในนาทีที่ 37
เกมทำท่าว่าจะสู้กันได้สนุกสูสี แต่เป็นแบล็คเบิร์น ที่มาทำได้อีก 2 ประตูรวดจากความผิดพลาดของนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่ครึ่งแรกจะจบลงอย่างถูกอกถูกใจสำหรับแฟนบอลเจ้าถิ่น
ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก 4 นาที แบล็คเบิร์น กลับขึ้นมานำได้อีกครั้งจากความผิดพลาดในการสื่อสารในเกมรับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อฟาน เดอร์ ซาร์ ผู้รักษาประตูออกมาจากเส้นประตูเพื่อจะคว้าบอล แต่ก่อนที่เขาจะมาถึงบอล ริโอ เฟอร์ดินานด์ ซึ่งถอยจากตำแหน่งในแผงกองกลางลงมาช่วยเกมรับ โหม่งย้อนหลังไปยังเส้นประตูที่เขาคิดว่าผู้รักษาประตูยืนรออยู่ ความผิดพลาดถูกลงโทษไปเต็มๆ เมื่อเบนท์ลี่ย์ วิ่งตามมาจิ้มบอลข้ามเส้นประตูไปเป็นประตูที่ 2 ของตัวเขาเองและของทีม แบล็คเบิร์น กลับขึ้นมานำ 2-1 ในนาทีที่ 41
ปิศาจแดง ยังคงสับสนกับโชคของตัวเองเมื่อช่วงทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งแรกผ่านไป 2 นาที แบล็คเบิร์น ก็ทำประตูนำห่างออกไป เวส บราวน์ ทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ ผู้ช่วยผู้ตัดสินโบกธงส่งสัญญาณเป็นลูกจุดโทษ นักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พยายามประท้วงแต่ไม่สำเร็จ ผู้ตัดสินชี้ไปที่จุดโทษให้กับแบล็คเบิร์น และลูคัส นีลล์ สังหารลูกจุดโทษลูกนี้ไม่พลาด โดยฟาน เดอร์ ซาร์ พุ่งไปผิดทาง ทำให้แบล็คเบิร์น ขึ้นนำห่าง 3-1 ก่อนที่จะหมดเวลาครึ่งแรกไป เจ้าถิ่นเดินเข้าห้องแต่งตัวโดยมีเสียงเชียร์ของแฟนบอลดังกระหึ่ม
ปิศาจแดง เกือบจะลดช่องว่างที่เสียเปรียบอยู่ลงได้เมื่อเริ่มครึ่งหลังไปได้ 5 นาที ซาฮา โหม่งบอลไปให้กับรูนี่ย์ ที่มีพื้นที่และเวลามากพอในการยิงเพื่อช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับสู่เกม ลูกยิงเต็มข้อของรูนี่ย์ รุนแรงและน่าจะเป็นประตู แต่ฟรีเดล ยังไวพอที่จะป้องกันเอาไว้ได้อย่างสุดยอด
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เปลี่ยนตัวผู้เล่นเมื่อครึ่งหลังผ่านไปได้ 10 นาที โดยส่งปาร์ค จีซุง และรุด ฟาน นิสเตลรอย ลงมาเสริมเกมรุก แทนที่ของดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ และคีแรน ริชาร์ดสัน โดยให้โรนัลโด้ ย้ายไปเล่นริมเส้นฝั่งซ้าย และปาร์ค อยู่ทางด้านขวา
ความหวังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการเก็บคะแนนในเกมนี้ต้องริบหรี่ลงไปอีกในอีก 2 นาทีต่อมา เมื่อเบนท์ลี่ย์ ยิงลูกโค้งผ่านตัวฟาน เดอร์ ซาร์ ที่พยายามพุ่งแต่ไปไม่ถึง บอลเสียบโคนเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้แบล็คเบิร์น นำห่างสุดกู่ 4-1 ในนาทีที่ 56 แฟนบอลเจ้าถิ่นส่งเสียงฉลองอย่างบ้าคลั่ง
แต่เกมยังไม่จบจนกว่าเสียงนกหวีดหมดเวลาจะดังขึ้น และเมื่อเกมผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เริ่มมีความหวัง ปาทริซ เอวร่า และโรนัลโด้ ทำชิ่งกันทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนที่ปีกชาวโปรตุเกสจะหลุดไปถึงเส้นหลังแล้วเปิดหักกลับเข้ามาให้ฟาน นิสเตลรอย ยิงจ่อๆ ผ่านมือฟรีเดล เข้าประตูไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามมาเป็น 2-4 ในนาทีที่ 63
เกมที่สุดสนุกนัดนี้ก็มีจุดเปลี่ยนอีกครั้งในอีก 5 นาทีต่อมา เมื่อฟาน นิสเตลรอย ซัดประตูที่ 2 ของตัวเองจากการที่แผงกองหลังของแบล็คเบิร์น ปล่อยให้เขาว่างอยู่คนเดียว ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไล่มาเป็น 3-4 ในนาทีที่ 68 เหลืออีกประตูเดียวก็จะตามตีเสมอได้แล้ว
แต่ก่อนหมดเวลาปกติไม่นานนัก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ต้องมาเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน หลังจากเฟอร์ดินานด์ ซึ่งได้รับใบเหลืองไปก่อนหน้านี้จากการทำฟาวล์พีเดอร์เซ่น ในนาทีที่ 86 มาได้รับใบเหลืองใบที่ 2 ถูกไล่ออกจากสนามไปในนาทีที่ 88 ซาเวจ ต้องถูกหามออกจากสนามไปหลังจากเข้าปะทะกับเฟอร์ดินานด์ และผู้ตัดสินไม่ลังเลที่จะชูใบแดงในทันที มันดูเหมือนจะเป็นการตัดสินที่รุนแรงไปหน่อย แต่ผู้ตัดสินมีความเห็นที่ต่างออกไป ทำให้ปิศาจแดง ต้องเป็นฝ่านเสียเปรียบมากขึ้นไปอีก
หลังจากช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 6 นาที ไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้อีก จบเกม แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ 4-3 ที่สนามอีวูด พาร์ค ทำให้ปิศาจแดง ต้องพ่ายแพ้ให้กับทีมกุหลาบไฟ ในเกมลีกทั้ง 2 นัดเป็นครั้งแรกในรอบ 75 ปี (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
แบรด ฟรีเดล 1
ไมเคิล เกรย์ 33
ลูคัส นีลล์ 2 ( จุดโทษ น. 45)
ไรอัน เนลเซ่น 6
แอนดี้ ทอดด์ 4 ( น. 67)
มอร์เทน แกมส์ท พีเดอร์เซ่น 12
สตีเว่น รีด 14
ร็อบบี้ ซาเวจ 8
เคริโมกลู ตูกาย 16 ( น. 30)
เดวิด เบนท์ลี่ย์ 29 ( น. 35, 41, 56)
เชฟกี้ กูกี้ 9 ( น. 27)
สำรอง
ปีเตอร์ อังเคิลแมน 13
แอรอน โมโคเอน่า 15 น. 90 ร็อบบี้ ซาเวจ 8
เบรตต์ เอเมอร์ตัน 7 น. 45 เคริโมกลู ตูกาย 16
เซอร์จิโอ ปีเตอร์ 31
เจมัล จอห์นสัน 25 น. 90 เดวิด เบนท์ลี่ย์ 29
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
เวส บราวน์ 6 ( น. 70)
ปาทริซ เอวร่า 3
แกรี่ เนวิลล์ 2
เนมานย่า วิดิซ 15 ( น. 78)
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5 ( น. 86)( น. 88)
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
คีแรน ริชาร์ดสัน 23
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
เวย์น รูนี่ย์ 8
หลุยส์ ซาฮา 9 ( น. 37)
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
เชราร์ด ปิเก้ 28
มิเกล ซิลแวสตร์ 27 น. 76 เวส บราวน์ 6
ปาร์ค จีซุง 13 น. 54 ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10 ( น. 63, 68) น. 54 คีแรน ริชาร์ดสัน 23
สถิติของเกม
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ประตู 4, ยิงตรงกรอบ 5, ยิงหลุดกรอบ 3, เตะมุม 2, ฟาวล์ 24, ล้ำหน้า 2, ใบเหลือง 3, การครองบอล 45.2 %
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 3, ยิงตรงกรอบ 6, ยิงหลุดกรอบ 5, โดนบล็อค 1, เตะมุม 2, ฟาวล์ 20, ล้ำหน้า 4, ใบเหลือง 2, ใบแดง 1, การครองบอล 54.8 %
คะแนนความสามารถ
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แบรด ฟรีเดล 7, ลูคัส นีลล์ 7, แอนดี้ ท็อดด 5, ไรอัน เนลเซ่น 7, ไมเคิล เกรย์ 5, สตีเว่น รีด 7, ร็อบบี้ ซาเวจ 7, เคริโมกลู ตูกาย 6, มอร์เท่น แกมส์ท พีเดอร์เซ่น 7, เดวิด เบนท์ลี่ย์ 9, เชฟกี้ กูกี้ 8, แอรอน โมโคเอน่า (สำรอง) 0, เบรตต์ เอเมอร์ตัน (สำรอง) 7, เจมัล จอห์นสัน (สำรอง) 0
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 5, แกรี่ เนวิลล์ 5, เวส บราวน์ 6, เนมานย่า วิดิช 5, ปาทริซ เอวร่า 6, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 5, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 6, คีแรน ริชาร์ดสัน 6, เวย์น รูนี่ย์ 6, หลุยส์ ซาฮา 6, มิเกล ซิลแวสตร์ (สำรอง) 6, ปาร์ค จีซุง (สำรอง) 6, รุด ฟาน นิสเตลรอย (สำรอง) 8
Por